พร้อมเซ็น! เชลซี จ้องคว้า “ไมนู”เสริมทัพหากแยกทางกับ แมนยู

Ready to sign! Chelsea are eyeing "Mainu" to strengthen the team if they part ways with Manchester United.

เชลซี กำลังเป็นตัวเต็งในการล่าตัว ค็อบบี้ ไมนู ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังมีข่าวลือว่าเจ้าตัวเริ่มไม่พอใจกับข้อเสนอของสัญญาใหม่ที่ “ปีศาจแดง” เสนอให้

ข่าวกีฬใาวันนี้  รายงาน เชลซี ทีมชั้นนำในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังเป็นทีมที่มีโอกาสมากที่สุดในการคว้าตัว ค็อบบี้ ไมนู ของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หากนักเตะตัดสินใจย้ายออกจากถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เนื่องจากความไม่พอใจกับข้อเสนอในสัญญาฉบับปัจจุบัน   

อย่างไรก็ตาม ค็อบบี้ ไมนู มิดฟิลด์ดาวรุ่งที่ถูกยกย่องว่าเป็นอนาคตของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังได้รับความสนใจจากหลายสโมสรชั้นนำในยุโรป ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเจ้าตัวอาจถูกขายออกจากทีมในช่วงตลาดซื้อขายเดือนนี้ หากการเจรจาสัญญาฉบับใหม่ยังไม่บรรลุผล ทั้งนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงหวังที่จะเก็บดาวรุ่งรายนี้ไว้กับทีม โดยมีแผนที่จะผลักดันเขาให้ก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ค็อบบี้ ไมนู ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่ไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งผูกพันเขากับสโมสรจนถึงเดือนมิถุนายน 2027 แต่ขณะนี้เขากำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาสัญญาใหม่กับ “ปีศาจแดง” เพื่อปรับปรุงเงื่อนไขให้สอดคล้องกับสถานะปัจจุบันของเขาในฐานะนักเตะชุดใหญ่ของทีมและทีมชาติอังกฤษที่พึ่งจะลงสนามในรอบชิงชนะเลิศศึกยูโร 2024

โดยหลายฝ่ายยังเชื่อว่า ค็อบบี้ ไมนู กำลังพิจารณาถึงอนาคตของตัวเองอย่างรอบคอบ เมื่อเขาได้รับข้อเสนอที่ดีกว่าจากสโมสรอื่น นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับทิศทางของสโมสรและโอกาสในการลงเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก หลังจากที่ “ปีศาจแดง” ทำผลงานได้ไม่ดีนักในฤดูกาลปัจจุบัน

อีกทั้งสถานการณ์การเงินของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการต่อสัญญาฉบับใหม่ของ ค็อบบี้ ไมนู ครั้งนี้ โดยสโมสรอยู่ในช่วงที่ต้องการลดภาระค่าเหนื่อยนักเตะจำนวนมาก โดยหนึ่งในนักเตะที่อาจถูกปล่อยออกไปในตลาดซื้อขายเดือนมกราคมนี้ได้แก่ คาเซมิโร่ ซึ่งรับค่าเหนื่อยสูงถึง 375,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ตามมาด้วย มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่รับค่าเหนื่อย 315,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และ แอนโทนี่ ที่รับค่าเหนื่อย 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

 

ขอขอบคุณการสนับสนุนเนื้อหาข่าวกีฬาจาก: zumroad.com

รับฟังคลิปข่าวที่นี่:https://www.youtube.com/watch?v=jLaQVRrcbEQ